วันนี้ผมมา Review เกม Tales Of Graces กันนะครับ
Tales of Graces นิทานบทใหม่โดย Bandai Namco เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้ ต้องการแสวงหาซึ่งความแข็งแกร่งที่มากขึ้น ซึ่งเป้าหมายนั้นก็เพื่อ "
ปกป้อง"และเป็นธีมหลักของภาคนี้ แทบจะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "
ลืม" วิธีการเล่นเก่าๆ จากภาคก่อนๆไปได้เลย เพราะระบบทุกอย่างในเกมนั้นถูกปรับปรุงใหม่หมด
ตำนานบทใหม่เริ่ม ต้นขึ้น เมื่อ
อัสเบล แลนท์ เด็กชายผู้ร่าเริงในตระกูลขุนนาง กับน้องชาย
ฮิวเบิร์ท แอบหลบคนในบ้านไปผจญภัยแบบเด็กๆในเขตป่าใกล้ๆบ้าน และได้พบกับเด็กสาวไร้ความทรงจำคนหนึ่งที่นั่น และเธอคนนี้ก็เป็นคนที่จะทำให้อัสเบลได้รู้ ว่าความฝันและความห้าวหาญแบบเด็กๆของเขานั้น ไม่สามารถปกป้องใครได้เลย และเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องสูญเสียใครไปอีก เขาจึงออกจากบ้านเพื่อเข้าไปเรียนที่โรงเรียนฝึกอัศวินในเมืองหลวงของประเทศ เพื่อตามหา"
ความแข็งแกร่งเพื่อการปกป้อง"
ด้านงานกราฟฟิค ถึงจะลง Wii แต่ทั่วๆไปแล้วถ้าไม่นับว่าภาพแตกๆตรงนั้นตรงนี้ (อาจเพราะดูบน LCD ใหญ่ๆด้วย) ความสวยงามอยากจะเรียกว่าเกือบจะเทียบกับ
Tales of Vesperia ได้แล้ว โดยโมเดลของตัวละครค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะส่วนใบหน้าซึ่งค่อนข้างเน้นดวงตาเป็นพิเศษ จะขาดไปก็เพียงด้านความละเอียดของพื้นผิวที่ไม่ได้เนียนแบบ Vesperia แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่ได้ใช้ Cell Shade เป็นหลักด้วย
สิ่ง หนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างมากก็คือ "
ขนาด" ระหว่างตัวละครและสิ่งแวดล้อม โดยภาคนี้ได้ปรับให้สัดส่วนใกล้เคียงกับของจริงมากขึ้น ดังนั้นเวลาเดินในเมืองจึงรู้สึกว่าเมืองกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะว่าเปล่า เพราะผังเมืองออกแบบมาค่อนข้างดี มีสะพานตรงนู้นข้ามไปข้ามมา บางทีก็เป็นทางลาดลอดต่ำลงไป ตัวเมืองเองก็มีรายละเอียดเยอะมาก บางทีอาจจะมากกว่า Vesperia ซะด้วยซ้ำ (อาจเพราะที่เห็นนั้นเป็นเมืองหลวงก็ได้)
และแผนที่โลกก็เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด แทนที่จะเป็นสัดส่วนที่ย่อลงมาให้เดินทางง่ายๆ แต่ในภาคนี้จะถกขยายใหญ่จนมีสัดส่วนเท่ากับเวลาเดินในเมือง ดังนั้นระหว่างเดินทางจากที่หนึ่งไปที่หนึ่งจึงแทบจะเหมือนเป็นดันเจี้ยนย่อยกลายๆ โดยตัวเกมจะเห็นศัตรูเดินไปเดินมา และเกิดใหม่ตลอดเวลา รวมทั้งมีไอเทมและผู้คนอยู่ระหว่าง จนไม่รู้สึกเหมือนแผนที่โลกเลยซักนิด
เรื่อง หนึ่งที่น่าดีใจก็คือด้าน "
มุมกล้อง" และ "
แอคชั่น" ของตัวละคร ซึ่งภาคนี้ใช้
Motion capture กับคนจริงๆ เพื่อให้การเคลื่อนไหวดูสมจริง เหมือนกับที่เคยใช้ใน
Tales of Symphonia: Ratatosk no kishi ดังนั้นในช่วงอีเวนท์จึงเห็นตัวละครดิ้นดุกดิกอยู่ตลอด มุมกล้องที่ใช้เองก็เช่นกัน ส่วนมากจะไม่ได้แพนแค่ด้านข้างตัวละคร แต่จะมีการสลับด้านไปมาตลอดตามจังหวะของอารมณ์ เท่าที่เล่นมาจึงยังไม่เห็นฉากไหนที่ขัดๆความรู้สึก (Tales of Vesperia จะมีหลายๆฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่า "
มันไม่ใช่อ๊ะ" อยู่)
ระบบการ ต่อสู้ในภาคนี้ ได้รับการปรับปรงใหม่อีกเช่นกัน โดยเป็นการเอาระบบ
Chain Capacity จาก Tales of Destiny มารวมกับ 3D โดยแต่ละตัวละครจะมี CC จำนวนหนึ่ง เช่น CC 3-6 หมายถึงในการต่อสู้ CC จะเพิ่ม-ลดตลอดเวลา โดยที่มีลิมิทอยู่ที่ 3-6 แต่สิ่งที่เปลี่ยนนั้นอยู่ที่วิธีการใช้ท่าไม้ตาย ซึ่งปกติจะชินตากับการใช้ O/A โจมตี และ X/B ในการใช้ท่า แต่คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้น ทั้ง A และ B จะกลายเป็นการใช้ท่าทั้งสองอัน ในระบบที่ชื่อว่า
Style ShifNote: เนื่องจากมันยาว จึงต้อง อ่าน
review ต่อในเวบบอร์ด.... (จะโยนลง FAQs ด้วยล่ะนะ)
บทสรุป Tales of Graces : Part 1 - ชีวิตวัยเยาว์บทสรุป Tales of Graces : Part 2 - การพบกันอีกครั้งบทสรุป Tales of Graces : Part 3 - สายสัมพันธ์เพลงเกมนี้นะครับ BoA / まもりたい ~White Wishes~
ติดตามผลงาน Review เกมต่อไปได้นะครับ